วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2565

ปั้นคนเก่ง #EP23 เมื่อปัญหายิ่งซ้อบซ้อน ยิ่งต้องปรับให้เรียบ

เมื่อปัญหายิ่งซ้อบซ้อน ยิ่งต้องปรับให้เรียบ



การแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเป็นประเด็นได้รับความสนใจมากในยุค VUCA เพราะยุคนี้อะไรก็ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีปริมาณข้อมูลที่ใช้ในการตัดสินใจมีมากยิ่งขึ้น อีกประเด็นหนึ่ง เมื่อมีการกระจายอไนาจในการตัดสินใจ ปัญหาก็จะยิ่งมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น


อ้าวแบบนี้ก็เลิกกระจายอำนาจเลยดีมั้ย ตอบเลยด้วยเสียงดังว่า ไม่ดี เพราะการกระจายอำนจ ช่วยให้งานเดินได้เร็วมากยิ่งขึ้น และทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ปัญหาเชิงซับซ้อนจึงเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร เพื่ออำนวยการให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น เรียบ สะดวก ไม่ใช่การยึดอำนาจมาตัดสินใจไว้เพียงคนเดียว สิ่งนี้เป็นของคู่กัน


และการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน เริ่มอย่างไรหละ คำตอบง่ายๆ  แต่หลายคนบอกว่าทำยาก คือ การทำความเข้าใจ ยากเพราะเราไม่รู้ว่าต้องทำความเข้าใจเรื่องอะไรกันแน่ และเทคนิคการทำความเข้าใจต้องทำอย่างไร


การทำความเข้าใจที่ต้องเริ่มต้นในการจัดการปัญหาเชิงซับซ้อนคือ การทำความเข้าใจว่า เจ้าปัญหาเชิงซับซ้อน มีกี่ปัญหาที่ซ้อนกันอยู่ในนั้น เราแยกแยะปัญหาแต่ละปัญหาออกจากกันได้อย่างไร นั่นคือจุดหัวใจของการแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน


การทำความเข้าใจถึงประเด็นของปัญหา ต้องอาศัยทักษะการแยกแยะ กล่าวคือ ความสามารถระบุได้ว่า อะไรเป็นเรื่องเดียวกัน และอะไรเป็นเรื่องที่ต่างๆ กัน ระดับการแยกแยะนั้น ให้พิจารณาในระดับที่เล็กที่สุด ประเด็นเล็กๆ ที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งนยี้จะช่วยให้เข้าใจประเด็นมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแล้ว ต้องสามารถระบุให้ได้ว่า อะไรเป็ฯคนละเรื่องกัน ยกตัวอย่างเช่น


พนักงานเอารถบริษัทออกไปใช้งานกิจกรรมของบริษัท และเอาออกนอกเส้นทางไปใช้เรื่องส่วนตัว แล้วเกิดอุบัติเหตุรถชน ต้นไม้ ขาขาด บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เหตุการณ์นี้มีกี่ประเด็นที่เกิดขึ้น


ประเด็นที่ 1 เรื่องการที่พนักงานเอารถบริษัทไปใช้ในส่วนตัว ทางบริษัทมีนโยบายอนุญาติ หรือ ไม่อนุญาติชัดเจนหรือไม่ ทางบริษัทต้องทำความเข้าใจเรื่องนี้ก่อน ถ้าไม่อนุญาติเลย ถือว่าเป็นการละเมิน ถ้า ไม่อนุญาติ หรือใครๆ ก็ทำกันเป็นเรื่องปกติ เรียกว่า เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ


ประเด็นที่ 2 บริษัทมีนโยบายไว้หรือไม่ว่า ถ้าเอารถไปใช้ในเรื่องส่วนตัวแล้ว การเกิดอุบัติเหตุการต้องรับผิดชอบ หรือไม่


ประเด็นที่ 3 ในการเกิดอุบัติเหตุนี้ อยู่ในการคุ้มครองของบริษัทประกันหรือไม่ เพราะโดยทั่วไป รถของบริษัมจะมีการทำประกันคุ้มครองไว้อยู่แล้ว แต่มีเงื่อนไขเอาไว้ว่าการคุ้มครองจะเป็นอย่างไร


ประเด็นที่ 4 การเกิดอุบัติเหตุ ต้องชดเชยความเสียหายแก่ทรัพย์สิน และบุคคลภายนอกอย่างไร ใครเป็นผู้รับผิดชอบ


ประเด็นที่ 5 การบาดเจ็บ และเสียชีวิต มีค่าใช้จ่าย และการเยียวยา เป็นส่วนของใครที่ต้องเข้าไปช่วยดูแล


ประเด็นที่ 6 บริษัทจะแสดงความมีมนุษย์ธรรมและใช้โอกาสนี้ในการสร้างนโยบายหรือมาตรฐานใหม่อย่างไรในการควรคุมต่อไป พร้อมทั้งจะดูแลขวัญและกำลังใจของพนักงานคนอื่นอย่างไร


จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีประเด็นต่างๆ ถึง 6 ประเด็น เรียกว่ามีปัญหาที่มีความซับซ้อนมาก ดังนั้น การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน ต้องปรับให้ปัญหาต่างๆ เรียบ เป็นปัญหาเชิงเดี่ยวเสียก่อนที่จะเริ่มต้นแก้ปัญหา 


การเริ่มต้นแก้ปัญหาจะเริ่มต้นจากปัญหาที่เร่งด่วนและมีความคุ้มค่าหรือผลลัพธ์ที่มากที่สุดก่อน จากนั้นจึงแก้ปัญหาอื่นๆ ต่อไปอีกครั้งหนึ่ง


ดร.นารา กิตติเมธีกุล

วันจันทร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2565

ปั้นคนเก่ง #EP21 ปัญหาอดทนตั้งนานยังไม่ได้ผล

 ปัญหาอดทนตั้งนานยังไม่ได้ผล




สิ่งที่เรามักจะพบกันบ่อยๆ ว่า ตอนนี้ชีวิตกำลังมีปัญหา ธุรกิจกำลังมีปัญหา เราต้องอดทนเพื่อก้าวข้ามปัญหา ซึ่งมันก็เป็นวิธีการที่ถูกต้องวิธีการหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่ก็ไม่ใช่วิธีการที่ถูกที่สุด


การใช้การอดทนในการแก้ปัญหา จะได้ผลก็ต่อเมื่อเราอดทนจนเวลาผ่านไปแล้วปล่อยให้สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจนต้นเหตุของปัญหาหายไปกับสภาพแวดล้อมด้วยแบบนี้ทำให้การอดทนในการแก้ปัญหาจะใช้ได้ผล


แต่ทุกปัญหาไม้สามารถทำแบบนี้ได้ด้วย 2 เหตุผลคือ 1) สาเหตุของปัญหาไม่ได้อยู่ที่สภาพแวดล้อม แต่อยู่ที่ตัวของบุคคลหรือตัวของธุรกิจเอง และ 2) ความสามารถในการอดทนมีไม่ยาวพอที่จะรอให้สภาพแวเล้อมเปลี่ยน เราเป็นจะต้องพ่ายแพ้ไปเสียก่อน แบบนี้การอดทนจึงไม่ใช่ทางออกในการแก้ปัญหา


อ้าวแล้วทำไมใครๆ  ก็ใช้การอดทนหละ ก็เพราะว่า การอดทนคือการไม่เปลี่ยนแปลงอะไร ใช้วิธีการเดิม ส่วนใหญ่แล้ว มนุษย์เราทุกคนเมื่อเจอปัญหาจะเริ่มต้นด้วยการอดทนก่อน จนกว่าจะเริ่มทนไม่ไหวแล้วถึงจะเริ่มหาวิธีการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น ต่างกันแต่ว่า ใครจะทนนานกว่ากัน หรือ ทนได้นานกว่ากัน


ดังนั้น การใช้วิธีการแก้ปัญหาการอดทน จึงไม่สามารถใช้ได้กับกรณีดังต่อไปนี้

-สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงและจะไม่เปลี่ยนกลับมาอีก

-ต้นเหตุของปัญหาอยู่ที่ตัวบุคคล

-ความสามารถในการทนทานต่อปัญหามีน้อย เช่น เงินไม่พอ 

-ยิ่งทนปัญหายิ่งมาก สถานการณ์ยิ่งแย่


นี่คือสาเหตุที่การใช้การอดทนแก้ปัญหาไม่ได้ แล้วเราต้องทำยังไงหละ

1 ทำโดยการสังเกตุดูว่า ถ้าอดทนแล้วสถานการณ์แย่ลง แปลว่า การอดทนไม่ใช่คำตอบที่ดี

2 ค้นหาว่าสาเหตุของปัญหาที่แท้จริงแล้วอยู่ที่ไหน

3 สร้างความเป็นไปได้ในการแก้ปัญหานั้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นอีกเรื่องหรือเปลี่ยนแปลงไปเลยจะสิ่งเดิมที่ทำอยู่

4 ไม่หนีกับปัญหา เพราะหนีไป ปัญหาก็ตามทันอยู่ดี เนื่องจากปัญหาเป็นเรื่องของเรา ดังนั้น เราไปอยู่ที่ไหน ปัญหาก็ตามไปถึงที่นั่น

5 ลงมือสร้างการเปลี่ยนแปลง


เมื่อเราฝึกทำแบบนี้บ่อยๆ เราเองจะเป็นคนที่ไวต่อปัญหาและรู้ว่า ปัญหานี้ควรจะอกทนต่อ หรือปัญหานี้ต้องรีบจัดการ เพราะหากเราจัดการเร็วเกินไปในทุกเรื่อง เราจะหลายเป็นคนไม่อยู่กับร่องกับรอบ หากเราจัดการช้าเกินไป ทุกย่างจะสายเกินแก้


ดร.นารา กิตติเมธีกุล