วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ความรับผิดชอบของรถโดยสารสาธารณะต่อสังคม

ทุกวันนี้หากเราใช้บริการท้องถนนในเมืองใหญ่ มักจะพบสิ่งหนึ่งเสมอ ๆ คือ การขับรถไม่สุภาพของรถสาธารณะ เรื่องนี้เป็นเหตุการเล็ก ๆ แต่เป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบมาถึงการสร้างปัญหาจราจรและการลงทุนหลายหมื่นล้านของรัฐบาล

ตามกฎหมายแล้ว ผู้รับจ้างรถโดยสารสาธารณะจะต้องมีหน้าที่ในการนำผู้โดยสารหรือผู้ว่าจ้าง ไปถึงจุดหมายโดยปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ รถแท็กซี่ รถเวล์ ขับเร็ว ปากซ้ายที ปากขวาที ก่อให้เกิดการสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สินของผู้โดยสาร และผู้ใช้ท้องถนน สิ่งนี้เป็นจุดเริ่มต้นว่าทำไม คนกรุงเทพ ไม่ชอบขึ้นรถเมล์

สาเหตุหลัก ๆ คือ รถเมล์ร้อน รถเมล์ขับไม่ดี รถเมล์เบียดคนแน่น ฯลฯ งั้น ถ้าเป็นแท็กซี่หละ

แท็กซี่ มีค่าใช้จ่ายสูง ไม่รู้จะปลอดภัยหรือเปล่า อาจจะถูกปล้น ถูกข่มขืน ถูกพาออกนอกเส้นทางก็ได้

ขับรถดีกว่า สะอาดกว่า สบายกว่า ค่าใช้จ่ายแพงหน่อยก็ยอม (ราคาน้ำมันก็ขึ้นตลอด ไม่ค่อยยอมลง)

จริง ๆ แล้วคนไทยจำนวนหนึ่งถึงจำนวนมาก กลับไม่ได้สนใจเรื่องราคามากกว่าคุณภาพบริการ สังเกตุว่า ทำไมอุตสาหกรรมการบินจึงได้มีการขยายตัวอย่่างรวดเร็ว เพราะเนื่องจาก มาตฐานความปลอดภัยที่ดีกว่า เพราะการให้บริการสายการบินมีหน่วยงานคอยตรวจสอบการบินให้มีความปลอดภัย และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ สายการบินมีอัตราอุบัติเหตุต่ำทีสุดในการโดยสารทุกชนิด ทำได้อย่างไร

ผู้ให้บริการที่อยู่ในอุตสาหกรรมการบินทุกคน จะต้องได้รับการฝึกอบรมเป็นอย่างดี มีจิตสำนึกในความรับผิดชอบต่อทรัพย์สินและชีวิตของผู้โดยสาร แม้ว่าราคาจะแพงกว่า ก็ยินดีใช้บริการ

ดังนั้นเมื่อมองย้อนกลับมาในการขนส่งสาธารณะอย่าง รถเมล์ แท็กซี่ ก็สมควรแล้วที่จะจัดการให้มีมาตรฐานความปลอดภัย ดังจะขอยกตัวอย่างเป็นเรื่อง ๆ

แท็กซี่:
จะเห็นว่า ในกรุงเทพมีแท็กซี่จำนวนมากที่ ทำรถตัวเองเป็นเหมือนรถแข่ง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบโดยสิ้นเชิง เนื่องจากการแต่งรถมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มความแรงและเร็วให้กับรถ หมายความว่ารถแท็กซี่คันนั้น จะขับเร็วตามไปด้วย ซึ่งจริง ๆ แล้วการแต่งรถก็ผิดกฎหมายจราจรอยู่แล้ว แต่ไม่มีใครเข้ามาดูแลอย่างจริงจัง นอกจากนั้น การใช้รถที่มีทำเป็นแท็กซี่ ในประเทศไทยไม่ได้มีการกำหนดว่าอย่างชัดเจนว่าจะต้องมีลักษณะเป็นอย่างไร จึงเอารถที่ใช้ลักษณะบุคคลนั่งทั่วไปมาทำเป็นแท๊กซี่ จริง ๆ แล้วรถแท็กซี่จะต้องมีการออบแบบเฉพาะกิจ เพราะต้องให้เกิดความสะดวกสบายแก่ผู้โดยสาร พร้อมความปลอดภัยระหว่างผู้โดยสารกับแท็กซี่ เนื่องจากผู้โดยสารเองก็เกรงว่าจะถูกทำร้าย (มีข่าวให้เก็นอยู่บ่อย) และแท็กซี่ก็กลัวผู้โดยสารปล้น (มีข่าวบ่อยเช่นกัน) ในต่างประเทศ จะมีการกั้น แยก ผู้โดยสารกับคนขับออกจากกัน ในประเด็นสุดท้าย เรื่องความสุภาพของคนขับ คนขับหลาย ๆ คนมักจะ ตะคอก ด่าทอ นินนทา คนในรถ นอกรถ ระหว่างการให้บริการอยู่เสมอ

รถเมล์:
รถเมล์ยิ่งต้องมีความรับชอบสูงกว่าแท็กซี่อีก เพราะจำนวนชีวิตที่อยู่บนรถ ขนาดของรถที่ขับมีจำนวนและขนาดที่ใหญ่กว่ารถโดยสารส่วนบุคคล จึงทำให้ผลกระทบที่เกิดขึ้นย่อมสูงกว่า ดังนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้น จะมีมากกว่าไปด้วย สิ่งที่เห็นอยู่บ่อย ๆ คือ การที่รถเมล์จะรถไม่เข้าป้าย ขับกินเลย ขับปาดซ้ายปาดขวา ขับเร็ว ขับแข่งกัน เป็นสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างยิ่ง และสิ่งที่น่าตกใจมากคือ ภาพผู้โดยสารวิ่งตามรถเมล์ เหมือนกับวิ่งไปขอส่วนบุญ อะไรสักอย่าง ระหว่างที่วิ่งก็เกิดอุบัติเหตุมากมาย ทั้งวิ่งหกล้อม ถูกรถเชี่ยว ฯลฯ

การจัดระเบียบ และเพิ่มความรับผิดชอบของคนขับรถสาธารณะ เป็นส่วนหนึ่งของการลดปัญหาทางสังคมได้ แต่ต้องทำอย่างจริง ๆ จัง (อีกแล้ว) ฝากเอาไว้ช่วยดูแล