วันศุกร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บุฟเฟต์ กิจกรรมที่ทำลายทฤษฎีอรรถประโยชน์

ในช่วง 2-3 ปีให้หลังมานี้ ธุรกิจอาหารแบบบุฟเฟต์ เจริญรุ่งเรื่องอย่างรวดเร็ว มีการกิจการใหม่เป็นดอกเห็ด ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากผู้บริโภค เพราะอะไร

เพราะว่า ผู้คนมักจะคิดว่าการทานบุฟเฟต์นั้นคุ้มค่า สามารถทานเท่าไหร่ก็ได้ ซึ่งผู้เขียนเองก็นิยมทานอยู่เป็นประจำในช่วงหนึ่ง แต่เมื่อเรามาพิจารณาดูดี ๆ แล้ว การทานบุฟเฟต์นั้น เป็นการทานที่เกิดความไม่คุ้มค่าในการจัดการทรัพยากรมากที่สุด รวมไปถึงเป็นการทำลายทฤษฎีอรรถประโชยน์ (Utility Theory) เนื่องจาก การบริโภคของคนปกติแล้ว จะบริโภคเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนรู้สึกว่า ความสุขที่ได้รับในการบริโภคชิ้นสุดท้าย ไม่คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายออกไปในชิ้นสุดท้าย ทางทฤษฎีเรียกว่า อรรถประโยชน์ส่วนเพิ่มหน่วยสุดท้าย (Marginal Utility) เท่ากับ ราคาต่อหน่วย (Price per Unit) ซึ่งจะทำให้คนนั้น ๆ ได้รับอรรถประโยชน์สูงสุดในเงินที่ตนเองมีอยู่พอดี

แต่ลักษณะของการทานบุฟเฟต์แล้ว เป็นประเภท จ่ายก้อนเดียว แล้ว All You Can Eat แปลว่า ไม่มีราคาต่อห่วยชิ้นสุดท้าย ดังนั้น จึงต้องกินให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผู้ขายก็จะกำหนดราคาไว้ให้เท่ากับหรือสูงกว่าคนที่ทานจุที่สุดเพื่อให้ได้รับกำไร จึงเกิดเป็นความท้าทายระหว่าง กระเพราะอาหาร กับ เงินที่จ่ายครั้งแรก โดยส่วนใหญ่แล้วการทานบุฟเฟต์จะทานจนอิ่มเกินพอดี หรือทานทิ้งทานขว้าง!!!!!

ประเด็นจึงอยู่ตรงนี้ การทานบุฟเฟต์จะทำให้เกิดการใช้ทรัพยากร (อาหาร) ที่เกิดความต้องการและพอดี หลายคนทานเสร็จก็ต้องไปกินยา หรือไปนั่งทรมานเพราะอิ่มจัด หรือก็ไปนั่งบ่นว่า ทานไม่คุ้มเลย ทานได้นิดเดียว ที่ซ้ำร้ายกว่าัันั้น การทานบุฟเฟต์ ส่วนใหญ่แล้วจะทานเยอะ ทำให้ได้รับปริมาณเกลือเข้าไปเยอะกว่าที่ควร ทั้งเกลือ ทั้งไขมัน ฯลฯ สารพัด สุดท้ายป่วยอีก

เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องเตือนใจว่า การทานอาหารให้ทานแต่พอดี อย่าทานเกินกว่าความต้องการของตนเอง เพราะทำให้ตนเองไม่สบาย และยังทำให้การกระจายอาหารเกิดความไม่สมดุลด้วย บางคนต้องการอาหารแต่ไม่สามารถหาได้ แต่อีกส่วนหนึ่งกลับทานให้มากที่สุดเพราะกลัวไม่คุ้มจนเกินกว่าความต้องการของตนเอง

ขอให้มีความสุขในการทานอาหารกันทุกคน