เป้าหมาย สิ่งยั่วยวนและทรงพลัง
เป้าหมาย ใครๆ ก็พูดกัน แล้วเป้าหมายของเราคืออะไร? บอกคนก็ตอบได้ แต่บางคนก็ยังงงๆ อยู่ แต่คำถามที่สำคัญกว่าคำที่ว่า เป้าหมายคืออะไร นั้นคือ เป้าหมายนั้นมีความสำคัญอย่างไรกับชีวิต? เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับเป้าหมายกันว่า เราทำอะไรกับเป้าหมายได้บ้าง
เป้าหมายเป็นสิ่งดึงดูดให้มนุษย์มีการสร้างสรรสิ่งต่างๆ ขึ้นมาในโลกใบนี้ มีทั้งเป็นการสร้างที่มีประโยชน์และการทำลายล้าง มีทั้งเป้าหมายเพื่อประโยชน์ส่วนตัว และประโยชน์ส่วนรวม ว่าๆ กันไปแล้วคือสิ่งที่เราอยากได้ อยากให้เป็น หรืออยากให้มีขึ้นมานั้นเอง มีทั้งเป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะที่ยาวขึ้นมาหน่อย เป้าหมายที่ยังไม่ยาวมากนัก เป้าหมายที่ต้องการในระยะเกือบๆ ยาว และเป้าหมายระยะยาว สุดท้ายคือเป้าหมายระยะยาวมากซึ่งอาจจะเกินกว่าชั่วชีวิตของคนคนหนึ่งก็ได้
อะไรทำให้เราต้องมีเป้าหมายในชีวิต?
การที่คนเรามีเป้าหมาย ได้ประโยชน์หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในการสร้างคุณค่าในตัวเอง ประโยชน์ในการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในโลกให้เกิดประโยชน์ ประโยชน์ในการสร้างรายได้และความมั่นคงในชีวิตให้กับตนเอง เป้าหมายเป็นสิ่งหอมหวนที่ทำให้เรารู้ว่า วันนี้ เรายังมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร เป็นความรู้สึกที่เราจะมีความภูมิใจในตัวเอง และเราสามารถยืนอยู่ในสังคมได้อย่างภาคภูมิใจ
ในอีกมุมหนึ่ง วัยรุ่น เป็นช่วงเวลาในการแสวงหาชีวิต การที่วัยรุ่นอย่างเราๆ มีเป้าหมาย เป็นการกำหนดทิศทางให้ตัวเองว่า จะทำอะไรต่อไปกับชีวิตของตัวเอง คนที่มีเป้าหมาย จะมีบุคลิกอย่างหนึ่งคือ มีความกระตือรือร้นในชีวิตต่อการสร้างตัวตนเป็นในสิ่งที่อยากเป็น ต่างกับคนที่ไม่มีเป้าหมาย ชีวิต จะมองหาแต่ความสุขที่เกิดขึ้นรอบตัว และะเปลี่ยนแหล่งของความสุขไปเรื่อยๆ ทำให้เบื่อง่าย ไม่เข้าใจถึงความมกระตือรือร้น
เป้าหมายเป็นตัวบอกว่า “เราคือใคร” คำคำนี้ดูง่ายๆ แต่เราลองมาคิดดูให้ลึกๆ ลงไป จะพบว่า เป็นคำถามที่ตอบยากมาก เพราะเราต้องตอบในรายละเอียดมากกมาย ทั้งเรื่องความต้องการ ความเก่ง ความถนัด เช่น
--เราคือผู้ให้คำปรึกษาชีวิต โดยการใช้หลักการทางจิตวิทยาและการเป็นผู้ประกอบการในการพาให้ผู้คนบนโลกใบนี้มีความสุข--
การตอบคำถามเราคือใคร จะไม่ตอบเพียงแค่ว่า เราชื่อ บ้านอยู่ไหน มีอาชีพและตำแหน่งอะไร นั้นไม่ได้บอกอะไรเกี่ยวกับคุณค่าของเราเลย ทำให้เราไม่รู้ว่า เราอยู่บนโลกนี้เพื่ออะไร มาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งคิดว่า การตั้งเป้าหมายจะต้องตั้งให้เป็นฮีโร่เพื่อเปลี่ยนโลกนะ ใจเย็นๆ การตั้งเป้าเพื่อบว่าเราคือใคร เป็นการบอกว่า เราจะมีความสุขจากการที่ “เป็น” อะไรเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่
ให้เราตั้งชื่อสิ่งที่เห็นทั้งหมดนี้ เราเป็นใคร ...........................................................
รูปแบบการตั้งเป้าหมายที่ทรงพลัง
การตั้งเป้าหมายที่ทรงพลังขั้นที่ 1 เราจะใช้การ “เป็น” แทนการ “มี” เพราะว่า การที่เรา "เป็น" จะหมายถึงว่า เรามีกิจกรรมอะไรบ้าง การ “มี” นั้นคือ ผลของการ “เป็น” เมื่อเรารู้ว่าเราจะ “เป็น” อะไรแล้ว เราจะรู้ต่อทันทีว่า เราจะสามารถหาอะไรเข้ามาในชีวิตให้ “มี” ได้ เช่น เราอยากเป็นนักแต่งเพลง เราจะรู้ว่า เราจะมีผลงานเพลง มีชื่อเสียง มีเงินทองและฐานะทางการเงินที่ดีขึ้น
การเป็นนั้น จะต้องมีความชัดเจนในสิ่งที่อยากเป็น หมายความว่า จะต้องสามารถหลับตา และเห็นรายละเอียดของการเป็นได้ชัด ได้ยินเสียง ได้รู้สึก ได้กลิ่น ในสิ่งที่เราอยากเป็น ทำอย่างไรเหรอ ไม่ยาก เราก็แค่เข้าในจิตนาการของเราสร้างภาพที่เราต้องเป็นขึ้นมา แล้วเอาตัวเองไปอยู่ในนั้น ไปสัมผัส ไปรู้สึก ไปซึมซาบกับบรรยากาศนั้นอย่างเต็มที่ หลักจากนั้น เราเอง ก็จดจำสิ่งนั้นไว้ว่าเป็นอย่างไร หรือจะใช้ตัวช่วยก็ได้ เช่นการวาดภาพสิ่งที่เห็น การเขียนรายละเอียดสิ่งที่เห็น หรือจะอัดเสียงเอาไว้ว่าเราเห็นอะไรบ้าง เพื่อให้วันข้างหน้าจะกลับมาดูเป้าหมายของตัวเองอีกครั้งหนึ่งได้อย่างชัดเจน ไม่บิดเบือนออกไปจากสิ่งที่ต้องการ
ลองเขียนภาพ เสียง ความรู้สึกนั้นลงไปในที่ว่างตรงนี้ดู
………………………………………………………………………………………………………………………........................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................................
ให้เราตั้งชื่อสิ่งที่เห็นทั้งหมดนี้ เราเป็นใคร ...........................................................
การตั้งเป้าหมายที่ทรงพลังขั้นที่ 2 สร้างเครื่องมือวัดความสำเร็จในการเป็น โดยการ “มี” นั้นหมายความว่า เราต้องบอกตัวเองได้ว่า เราเป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วหรือยัง โดยการมีในสิ่งที่ “เป็น” ควรจะต้องมี เป็นเครื่องมือในการวัดสิ่งที่ต้องการเป็น เช่น อยากเป็นนักร้อง ต้อง “มี” วิธีการร้องที่ดี ต้อง “มี” พลังเสียงที่ตรึงใจผู้คน ต้อง “มี” หูที่ฟังเสียงได้อย่างชัดเจน เรามาดูเป้าหมายยิดฮิตของวัยรุ่นดูบ้าง
วัยรุ่นจำนวนมากมาบอกว่า อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ แล้วเจ้าของธุรกิจจะต้องมีอะไรบ้างหละ???? นั่นสิ!!! ฟังดูง่ายๆ ลองคิดให้ลึกอีกนิดนึง บางคนบอกว่ามาเรียนบริหารธุรกิจเพื่อจบไปแล้วจะเปิดธุรกิจของตัวเอง อันนี้เป็นสูตรสำเร็จหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่ใช่แน่แน่ เพราะการเรียนบริหารธุรกิจ เป็นเพียงส่วนหนึ่งในการเริ่มต้น และการเป็นเจ้าของธุรกิจ อ้าวและจะต้องมีอะไร วิธีการง่ายๆ ในการสร้างเครื่องมือการวัดการเป็นตามขั้นที่ 1 คือ ใส่ความเป็นมืออาชีพ หรือหมายถึง ทำสิ่งนั้นให้สำเร็จได้โดยไม่ต้องมีใครสั่ง
เริ่มต้นจากการสร้างจินตนาการของตัวเองขึ้นมาก่อนว่า เราจะเป็นอะไรสักอย่าง แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง ในการทำแต่ละอย่างนั้น จะต้องมีอะไร ให้จดสิ่งเหล่านั้นไว้ การมีในที่นี้ หมายถึง ความรู้ ทักษะ ความคิด สินทรัพย์ สินค้า และทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็น เช่น เครือข่าย พันธมิตร คู่ค้า ลูกค้า ชื่อเสียง จริยธรรม ฯลฯ ในการทำงานสักอย่าง การมีในที่นี้ จะต้องมองให้กว้างกว่าสินทรัพย์ที่จับต้องได้ เช่นการอยากเป็นนักร้อง ไม่ได้มีเพียงแค่มีไมค์ หรือ เครื่องเสียง แต่จะต้องมีคุณสมบัติซึ่งนับว่าเป็นทรัพยากรที่สำคัญในการเป็นนักร้อง
จากนั้น ให้เราเอาความหมายของความเก่ง มาเทียบกับสิ่งที่เราอยาก “เป็น” ดูอีกครั้งว่า ไปทางเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ปรับ ในการปรับก็ทำได้ 2 วิธีคือ ปรับเป้าหมาย หรือปรับความเก่ง เราจะต้องเก่งอะไรเพิ่มเติม
แบบฝึกหัดการสร้างเครื่องมือ
ให้เราลองจินตนาการว่าเราได้เป็นในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้ว เราต้องทำงานอะไรบ้างในสิ่งจินตนาการนั้น หลังจากนั้นถามตัวเองว่า จะต้องมีอะไรถึงจะทำงานนั้นได้ หลังจากนั้น ให้กลับมาสู่ปัจจุบัน ว่าเรามีอะไรอยู่ในปัจุบัน แล้เราขาดอะไรเพื่อให้ได้มีในสิ่งนั้น
เมื่อได้แบบนี้แล้ว เราก็จะได้เครื่องมือในการจัดการ เราได้เป็นในสิ่งที่อย่างเป็นแล้วหรือไม่ แต่แน่นอนหละ วัยรุ่นมักจะต้องมีคำถาม แล้วถ้าเกิดอยากจะเป็นคนที่ไม่ต้องทำงานอะไรเลย เรียกว่า เป็นมนุษย์ที่อิสระทางการเงิน ไม่ได้ทำงาน แบบนี้ จะวัดอย่างไร เรื่องนี้ก็ไม่ยาก เพราะการไม่ได้ทำอะไรเลย ก็เป็นการทำงานอย่างหนึ่ง เรียกว่า งานที่ไม่ทำอะไรเลย (งง งง หน่อยเนอะ) เมื่องานของเราคือการไม่ทำอะไรเลย แล้วจะต้องมีอะไร เราถึงทำงานแบบไม่ต้องทำอะไรเลยได้ เพราะเราต้องกิน เราต้องใช้เงิน... แบบนี้พอนึกออกหรือยัง
ถ้ายัง มาดูกันต่อ มนุษย์เรา จะต้องมีการบริโภคอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการบริโภคนั้น จะมาจากการใช้เงินของตัวเองไปแลกมา หรือใช้เงินของคนอื่นไปแลกมาให้ก็ได้ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ เราต้องบริโภค (กิน) อยู่ดี การไม่ทำอะไรเลย ก็ต้องกิน ส่วนใครจะกินมาก กินน้อย ใช้เงินมาก ใช้เงินน้อยก็ขึ้นกับแต่ละคน เอาแบบที่สบายใจ มาลองดูกัน การที่เราจะกิน จะใช้ได้โดยไม่ต้องทำงาน เราต้องมีอะไรบ้าง บางคนต้องมีเงินเป็นสินทรัพย์เอาไว้ใช้ หรือจะต้องเพิ่มการมีผลตอบแทนจากสินทรัพย์นั้นๆ เข้าไปด้วยเพื่อให้เงินที่มีอยู่นั้น งอกเงยขึ้นมาได้ บางคนอาจจะมาแนว สามีหรือนารี อุปถัมป์ มีคู่ครองที่เลี้ยงดูไม่ต้องทำอะไรเลย มีเงินใช้ แล้ว เราต้องมีคุณสมบัติอะไร ถึงจะได้เป็นคนแบบนั้นได้ เอาสิ่งเหล่านั้น ไปใส่ในตารางข้างบน
การตั้งเป้าหมายที่ทรงพลังขั้นที่ 3 เมื่อเรารู้ว่าเราเป็นอะไร และเรามีอะไรแล้ว ให้มาลองพิจารณาว่า สิ่งที่เรา “เป็น” และ เรา “มี” ทำให้เราได้คุณค่า หรือรู้สึกภูมิใจเรื่องอะไรบ้าง ความภูมิใจนี้ ทำให้เรารู้สึกดีเพราะอะไร เรื่องนี้ วัยรุ่นใจร้อนต้องใช้ความพยายามหน่อย เพราะต้องสำรวจความรู้สึกของตัวเอง ดูแบบสบายๆ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องด่วยสรุป ให้เวลากับตัวเอง การได้เป็นในสิ่งที่เราอยากเป็นนั้น มีเสน่ห์อย่างไร เพราะความรู้สึกนี้ จะเป็นพลังให้เราอยู่กับสิ่งนั้นตลอดเวลาได้
หรืออาจใช้อีกคำถามในการถามตัวเองได้ว่า ถ้าฉันได้ “เป็น” และ “มี” ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ฉันจะมีความสุขอย่างไร จะเกิดความรู้สึกและความคิดอะไรเกิดขึ้นกับตัวเองบ้าง และความรู้สึกและความคิดนั้นเอง สร้างความสุขให้เราได้อย่างไร วัยรุ่นจำนวนมากบอกว่าอยากเป็นคนรวย เพราะคิดว่ามีเงินสามารถซื้ออะไรก็ได้ จริงๆ แล้ว เราอยากเป็นคนรวยเพราะอะไรกันแน่ เพราะจะได้มีเงินใช้เยอะๆ ชีวิตจะได้มั่นคง หรือ มีเงินเยอะๆ เพื่อเอาไว้ให้คนอื่นมาสนใจเราจากการใช้ของหรูๆ หรือ มีเงินเยอะๆ เอาไว้ให้สร้างบรรยากาศโรแมนติกกับคนที่เรารัก มีเงินเเยอะๆ เอาไว้เพื่ออะไรกันแน่.... หาคำตอบที่อยู่เบื้องหลัง
เรื่องสิ่งที่เย้ายวน เรื่องนี้ วัยรุ่นจำนวนมาก มักจะให้คำตอบเป็นเงิน แต่จริงๆ แล้ว เงินเป็นเพียงสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสิ่งต่างๆ เพื่อให้ได้ในเรื่องอื่นๆ ที่ตัวเองต้องการ เช่น ใช้เงินซื้ออาหารดีๆ เพราะต้องการให้ร่างกายได้รับอาหารที่อร่อย มีปริมาณเพียงพอต่อความต้องการ นั่นหมายความว่า จริงๆ แล้วเราไม่ได้ต้องการเงิน แต่เราต้องการอาหารดีๆ เพียงแต่ เงินสามารถแปลงเป็นสิ่งที่เราต้องการได้หลายอย่าง ดังนั้น เราจึงคิดว่า เรามีเงิน เราจะมีความมั่นคงเพราะเราหาสิ่งที่เราต้องการได้จากเงิน เราได้ความหลายหลาย เพราะเงินสามารถเปลงเป็นอะไรก็ได้ที่ขายอยู่ในโลกใบนี้ เงินเป็นความรัก เพราะเรามีเงิน เราสามารถส่งต่อความรู้สึกดี ผ่านการใช้เงินได้ เราได้ความสำคัญ เพราะใครๆ ก็อยากได้เงิน จึงเข้ามาหาเราเพราะเรามีเงิน เราได้การเติบโต เงินสามารถต่อยอดตัวเองให้ขึ้นไปหรือมีมากขึ้นได้ เงินจึงกลายเป็นตัวแทนของความอยากเป็นที่หลายๆ คนเข้าใจผิด
การตั้งเป้าหมายที่ทรงพลังขั้นที่ 4 สิ่งที่อยาก “เป็น” แสดงความเป็นตัวเราได้อย่างไร? เป้าหมายที่ดีจะต้องเป็นการเสริมสร้างสิ่งที่มีอยู่ในตัวเราให้โดดเด่นออกมา ชีวิตคนเราเหมือนกับการเล่นดนตรีเป็นวง ต้องอาศัยเครื่องดนตรีหลายชิ้น มีวังหงะและรูปแบบการเล่นของตนเอง แม้บางครั้งจะเล่นเพลงเดียวกัน แต่วิธีการเล่น ก็ไม่เหมือนกัน การตั้งเป้าหมาย เหมือนกับการเล่นเพลงที่เราต้องการให้จบสมบูรณ์แบบเครื่องดนตรีทุกชิ้น ต้องเล่นเป็นจังหวะที่สอดคล้องเป็นท่วงทำนองเดียวกัน หากเป้าหมายนั้น ไม่สอดคล้องกับเครื่องดนตรีที่เล่น หรือเพลงที่เล่น ไม่เหมาะกับเครื่องดนตรี เพลงนั้นก็ไม่มีความไพเราะอย่างสมบูรณ์แบบ
วัยรุ่น เปรียบเสมือนวงดนตรีที่กำลังหัด กำลังหาเพลงที่เป็นตัวเอง เป็นวงที่ยังต้องจัดหาเครื่องดนตรีใหม่ๆ เข้ามาในวงเพื่อให้สามารถเพิ่มความไพเราะ เกิดความสมบูรณ์แบบ เป็นช่วงเวลาที่ต้องฝึกฝนเทคนิคการเล่นดนตรีจากเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ เหมือนกับการเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ ในการเป็นตัวเราในอนาคต เสริมสร้างความรู้และทักษะในการดำรงชีวิต ดังนั้น เป้าหมายจะต้องเป็นตัวเรา เป็นในสิ่งที่เราเป็นเราในธรรมชาติ เราชอบอิสระ แต่เป้าหมายไปตั้งไว้เป็นคนที่ทำงานอยู่ในระเบียบ ไม่นานเป้าหมายนี้จะเป็น “เป้าหาย” เพราะไม่ใช่ตัวเอง เป้าหมายจะต้องสอดคล้องกับความสามารถในตัวของเรา เพราะจะช่วยให้เราเข้าถึงเป้าหมายได้ง่ายมายิ่งขึ้นใช้พลังงานน้อยลงในการเข้าสู่เป้าหมาย
วัยรุ่นหลายคนพอมาถึงตรงนี้ อาจจะยังสับสน เพราะที่ผ่านมายับไม่เคยสำรวจตัวเองว่า จริงๆ แล้วมีอะไรที่ซ้อนอยู่ในตัวเองบ้าง วิธีการง่ายๆ ไม่ยาก กลับมาถามตัวเองว่า เราทำอะไรได้เก่ง และ ทำไมเราถึงทำเก่งได้ในเรื่องนั้นๆ แล้วเขียนลงมาดูว่า เเรามีอะไรดีบ้าง เช่นเราเรียนรู้ได้เร็วกว่าคนอื่นเรื่องประวัติศาสตร์ แล้วให้ตีความหมายขอความเก่งนั้น ซึ่งจะหมายถึง จดจำเรื่องราวได้ดี และสามารถเรียงร้อยเรื่องราวตามเวลาได้เก่ง จึงทำให้เรียนประวัติศาสตร์ได้ดี ทีนี้เราลองมาเขียนกันดูนะ ว่าเราเก่งอะไรได้บ้าง จะเป็นเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ได้หมด เรื่องเล็กๆ เช่น มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ดีกว่าคนอื่น ใช้สีหรือผสมสีของเครื่องแต่งกายได้ดีกว่าคนอื่น ส่วนเรื่องใหญ่ๆ เช่น มีความสามารถคำนวนได้ดีกว่าคนอื่น มีความสามารถในการพูดและใช้คำได้ดีกว่าคนอื่น เป็นต้น
แบบฝึกหัด การหาความเก่งภายในตัวเอง
จากนั้น ให้เราเอาความหมายของความเก่ง มาเทียบกับสิ่งที่เราอยาก “เป็น” ดูอีกครั้งว่า ไปทางเดียวกันหรือไม่ ถ้าไม่ ก็ปรับ ในการปรับก็ทำได้ 2 วิธีคือ ปรับเป้าหมาย หรือปรับความเก่ง เราจะต้องเก่งอะไรเพิ่มเติม
การตั้งเป้าหมายที่ทรงพลังขั้นที่ 5 กำหนดเวลาในการบรรลุเป้าหมาย เรื่องเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะมนุษย์ จะมีสมองอันชาญฉลาด สมองเราจะฉลาดมากในเรื่องของการเอาตัวรอดและการประหยัดพลังงานให้กับตัวเองเพื่อความอยู่รอด ดังนั้น สมองแห่งการเอาตัวรอด จะบอกว่า งานต่างๆ ถ้ายังไม่ถึงเวลา เราไม่ต้องทำ ประหยัดพลังงานเอาไว้ก่อน จึงเป็นที่มาของการผลัดวันประกันพรุ่ง
การกำหนดระยะเวลาแห่งความสำเร็จ จะเป็นการบอกสมองว่า หมดเวลาขี้เกียจแล้ว ต้องลุกขึ้นมาทำ เรากำลังจะเดือนร้อนแล้ว ยิ่งความหลงไหลในการตั้งเป้าหมายยิ่งแรงเท่าไหร่ สมองจะตื่นตัวมากเท่านั้น การทำแบบนี้ สมองจะตีความหมายว่า อันตรายนะ เราต้องทำอะไรบางอย่าง ร่างกายต้องทำงานแล้ว อยู่กับที่ไม่ได้แล้ว
การตั้งระยะเวลาแห่งความสำเร็จนั้น เราตั้งได้ 2 รูปแบบ แบบแรก คือตั้งเป็นเงื่อนไขเล็กๆ เรื่องเส้นเวลาเอาไว้ บอกว่า ตอนไหนต้องบรรลุ หรือ เป็น หรือ มี อะไรบ้าง ตั้งขึ้นมาเป็นเป้าหมายย่อยๆ เมื่อบรรลุเป้าหมายย่อยๆ แล้ว เราก็ฉลองเป้าหมายย่อยๆ นั้น
แบบที่ 2 คือตั้งเป้าหมายใหญ่เป้าหมายเดียว โดยไม่สนใจเป้ามายเล็กๆ แบบนี้ ทำได้สำหรับคนที่มีวินัยสูงส่ง เพราะจะต้องเทียบเวลาตามเป้าหมาย และมีแผนในการสร้างความจริงตามเป้าหมายอย่างชัดเจน มิฉะนั้น แล้ว ระยะเวลามีโอกาสคลาดเคลื่อนสูง ยิ่งระยะเลาที่ตั้งเป้าเอาไว้ยาว ยิ่งทำให้เพี้ยนจากความเป็นจริงได้ง่ายมากยิ่งขึ้นตามไปด้วย
สรุป การตั้งเป้าหมาย มีขั้นตอนอยู่ 5 ขั้นตอน คือ หาสิ่งที่อยากเป็น กำหนดสิ่งที่ต้องมี สร้างแรงดึงดูดของเป้าหมาย เล่นให้เป็นวง และเขียนเส้นเวลา การตั้งเป้าหมายแบบนี้เรียกว่า SMART Goal เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ทั้งการตั้งเป้าหมายส่วนตัวของชีวิต และการตั้งเป้าหมายทางธุรกิจ โดยเฉพาะการตั้งเป้าหมายทางธุรกิจ ที่ต้องใช้คนหลายๆ คนมาทำงานร่วมกัน จำเป็นต้องให้เกิดความชัดเจนร่วมกัน เพื่อเดินหน้าไปในทางเดียวกัน