โอกาสทางธุรกิจ และโอกาสของชีวิต
โอกาส มาจากไหน โอกาสคืออะไร คำถามง่ายๆ แต่หลายๆ คนตอบไม่ได้ รู้แต่ว่ามีโอกาส
โอกาสคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่เรารู้ว่ามีค่า เรารู้ว่ามีประโยชน์ และโอกาสไม่คงทน มาแล้วก็ไป แต่บางคนก็เก่งกว่านั้น เพราะออกไปหาโอกาสได้ เรียกว่า ไม่ยอมให้โอกาสมาวิ่งชนไปวันๆ โอกาสคำนี้ ฟังดูดี แต่ลองคิดดูดีๆ
โอกาสคือสิ่งที่ยังมาไม่ถึง แต่เรารู้ว่ามีค่า เรารู้ว่ามีประโยชน์ และโอกาสไม่คงทน มาแล้วก็ไป แต่บางคนก็เก่งกว่านั้น เพราะออกไปหาโอกาสได้ เรียกว่า ไม่ยอมให้โอกาสมาวิ่งชนไปวันๆ โอกาสคำนี้ ฟังดูดี แต่ลองคิดดูดีๆ
“โอกาสมาจากไหน?”
บางคนบอกว่าโอกาสมาจากการสร้างให้ตัวเองมีโอกาส
บางคนบอกว่า โอกาสมาจากการให้โอกาสคนอื่น แล้วตัวเองจะมีโอกาส
บางคนบอกว่า โอกาสเกิดจากการที่เราพร้อมที่จะรับโอกาส
แล้วจริงๆ แล้ว โอกาส มาจากไหน.... อะไรที่ทำให้แต้่ละคนมีโอกาสไม่เท่ากัน
คนที่ประสบความสำเร็จ เป็นคนที่เรียนรู้จะใช้โอกาสต่างๆ ให้เกิดประโยชน์ และสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับตนเอง จริงหรือ โอกาสต้องสร้างขึ้นมา ลองคิดลึกๆ มองดีๆ จะพบว่า โอกาส คือสิ่งที่อยู่รอบตัวเราเอง ไม่ต้องสร้างขึ้นมาแต่อย่างใด และความหมายของโอกาสคือ
“ช่องทางการสร้างประโยชน์ให้แก่เราเอง ในอนาคต”
โอกาส อยู่ที่การมองเห็น เห็นอนาคตของตัวเองที่ได้ประโยชน์จากอะไรบางอย่าง จากสิ่งที่อยู่รอบตัวเรา เช่น คนรู้จัก บุญคุณ ความรู้ของเราเอง ความสามารถของเรา เพื่อน ข้อมูลที่อยู่ในตัวเรา วิธีการคิดของเรา ความกล้าได้กล้าเสีย บุคลิกภาพ การแต่งตัว การพูด รอยยิ้ม ฯลฯ อีกมากมาย อยู่ที่ว่า เราสามารถจินตนาการอนาคตของเราได้มากน้อยแค่ไหน และที่สำคัญ เราใส่ใจกับสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเราได้มากแค่ไหน ตรงนั้น ทำให้โอกาสของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
แบบทดสอบการเห็นโอกาส
เราลองมาฝึกความสามารถในการมองโอกาสดู ให้เราทบทวนตั้งแต่ตืนนอนจนถึงตอนนี้ เราได้พบอะไรเข้ามาในชีวิตวันนี้บ้าง ค่อยๆ นึกว่า เราเจออะไรมาบ้างอย่างช้าๆ
เรามาคิดต่อว่า แต่ละอย่างที่เราเจอในวันนี้ เราได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
สิ่งที่เราเจอในวันนี้ เราจะสามารถสร้างประโยชน์อะไรได้บ้างในอนาคต?
เห็นแล้วใช่ไหม นั่นแหละโอกาส โอกาสของชีวิต ไม่ยากเลย
เมื่อเราเห็นโอกาสแล้ว สิ่งต่อไปที่มักจะเกิดขึ้นเสมอคือ เราลืม!!!! โอกาสนั้น เพราะเราไม่ได้ให้ความสำคัญกับโอกาส ดังนั้นเมื่อสิ่งที่เราคิดว่าไม่สำคัญสมองอันชาญฉลาดของเรา ก็ทำหน้าที่สั่งว่า สิ่งนี้คือสิ่งที่ไม่ต้องการ ลบข้อมูลหรือความคิดทิ้ง!!!! บางครั้ง อาจจะลบทิ้งในทันที บางครั้งอาจจะนานกว่านั้นก็ได้ เป็นนาที เป็นชั่วโมง เป็นวัน หรือนานหลายปี ขึ้นกับว่าสมองของเราให้ความสำคัญมากน้อยขนาดไหน
อีกประเด็นหนึ่งที่โอกาสมักจะหายไปอย่างรวดเร็ว เพราะโอกาสเป็นสิ่งเกิดขึ้นจากสิ่งที่อยู่รอบข้าง โอกาสจึงเปลี่ยนแปลงได้ง่าย ธรรมชาติของโอกาส เป็นช่องทางที่เกิดขึ้นเพราะสิ่งรอบข้าง เมื่อสิ่งรอบข้างเปลี่ยนแปลง โอกาสย่อมเปลี่ยนแปลงด้วย โอกาสจึงมาๆ หายๆ หรือมาแล้ว ก็หายไปเลย โอกาสจะกลายเป็นประโยชน์ได้ เมื่อคนที่พร้อมจะใช้ช่องทางประโยชน์นั้นในเวลาที่เหมาะสม... หรือเวลาที่โอกาสมา
เพราะเหตุนี้เอง เวลาเราเห็นโอกาสเราต้องทำทันที ไม่รอให้โอกาสผ่านเลยไป เพราะ เราอาจจะลืมโอกาสนั้น และ โอกาสนั้น ไม่รอเราเมื่อเวลาผ่านไป แต่สำหรับคนที่มีความสามารถในการเห็นโอกาส จะสามารถจับจังหวะการเกิดโอกาสได้บ่อยๆ เพราะจริงๆ แล้ว โอกาสเกิดจากอะไรก็ได้ แค่เราจินตนาการให้ออกว่า อะไรจะเป็นประโยชน์แก่เราในอนาคต
คนที่มีความสามารถในการเห็นโอกาสคือ คนที่มีนิสัยดังนี้
1. ใส่ใจในรายละเอียดรอบข้าง
2. ใช้จินตนาการได้อย่างรวดเร็ว
3. มีความพร้อมในตัวเอง
4. ให้ความสำคัญกับสิ่งที่คิดว่าเป็นโอกาส
5. มองโลกในแง่ดี เห็นอะไรก็ดีไปหมด
6. ลงมือจัดการกับโอกาสนั้นทันที แม้จะเป็นกิจกรรมเพียงเล็กน้อยก็ตาม
การพัฒนาแนวคิดเชิงบวก
แนวคิดเชิงบวกเป็นสิ่งที่ช่วยให้สมองเห็นโอกาสได้ง่ายขึ้น เพราะการคิดเชิงบวก คือการคิดในแง่ดี อะไรๆ ก็ดี นั่นหมายความว่า สมองมองเห็นคุณค่า มองเห็นประโยชน์ ในสิ่งที่เกิดขึ้น สมองรู้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ชีวิตได้รับอะไรบางอย่าง ใช่แล้ว นั่นคือโอกาสนั่นเอง เรื่องดีๆ ประโยชน์ โอกาส เป็นเรื่องเดียวกัน
งั้นเราต้องหัดมามองสิ่งสวยงามก่อน เพื่อให้เป็นทักษะในการมองแง่ดี มองโลกเชิงบวก ลำดับการเกิดความคิดเชิงบวก
ความสวยงาม เห็นอะไรก็จะเบิกบาน ชื่นชม และรู้สึกปลอดภัย สมองจะลบความคิดการป้องกันตัวเองออกไป ในตอนนั้นเอง จะเปิดรับเรื่องราวต่างๆ เข้ามาทำให้เห็นประโยชน์มากมายที่เกิดขึ้น สุดท้ายกลายเป็นโอกาส
การหัดมองโลกให้สวยงาม
ฟังดูเป็นเรื่องแปลกๆ การมองโลกให้สวยงาม ต้องมาหัดด้วยหรือ จริงๆ แล้วบางคนต้องหัด บางคนไม่ต้องหัด โลกสวยในที่นี้ คือโลกที่สวยงาม ไม่ใช่โลกสวยที่ใครๆ มาใช้กันเพื่อว่าในทางลบ แต่เป็นการชื่นชมเรื่องราว ลายละเอียดที่อยู่รอบๆ ตัว ตั้งแต่ใบไม้ ใบหญ้า ดอกไม้ แมลง เศษขยะ อะไรก็ได้ หรือมองเห็นความสวยงามของพฤติกรรมคน เช่น การมอบของให้กัน ความเอื้ออาทร รอยยิ้ม
การหัดมองโลกให้สวยงาม เราต้องเชื่อว่าในโลกนี้มีความดีซ่อนอยู่ แฝงอยู่ คงอยู่ในทุกๆ สิ่ง เราเพียงแค่ไปมองเห็นมัน แยกแยะออกจากสิ่งที่มีอยู่ให้รู้ว่ามีความสวยงามอยู่ตรงไหน แล้วเราบอกกับตัวเองว่า เราเห็นความสวยงามนั้นคืออะไร มีความสวยงามจากรายละเอียดอะไรบ้าง แต่ก็จะมีบางครั้งที่เราเห็นว่า มันไม่สวยงามเลย เช่น กองขยะ อุจจาระ เป็นเรื่องธรรมดาที่มนุษย์จะมองสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องน่ารังเกียจ เพราะเราให้ความหมายมาตั้งแต่เล็กจนโตว่า กองขยะ อุจจาระเป็นเรื่องไม่ดี น่ารังเกียจ เราต้องอยู่ห่างๆ
ในทางจิตวิทยาแล้ว เราสร้างเงื่อนไขการรังเกียจมาเอง ประกอบกับกลิ่นที่เราไม่ชอบ ที่เราเรียกว่าเหม็น สมองเรายิ่งแปลงความหมายเป็นในทางลบมากขึ้นไปอีก เราจึงรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้น สมองบอกเราว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องอันตราย ต้องอยู่ห่างๆ โดยทันที วิธีแก้ไข ให้เราเปลี่ยนวิธีการมอง จากใหญ่เป็นเล็ก จากเล็กเป็นใหญ่ เช่น กองขยะ เราเห็นเป็นกองขยะจะรู้สึกว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ต้องหลีกเลี่ยงให้ห่างๆ แต่ยังมียางคนเห็นกองขยะเป็นเรื่องปากท้อง สามารถหาเงินได้ คนเหล่านี้ จะให้ความหมายของกองขยะเอาไว้อีกแบบ เป็นเรื่องที่ดี เรื่องที่สร้างความสุขให้กับชีวิต
การเริ่มต้นมองโลกให้สวยงาม เราเริ่มต้นจากการแยกองค์ประกอบของสิ่งที่เรามองเห็น ได้ยิน หรือ ได้รับมา โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่รับรู้ได้ตัวตา หู หรือประสาทสัมผัส และส่วนที่รับรู้ด้วยใจ หรือความรู้สึกของเรา
การรับรู้ทางประสาทสัมผัส เราจะเห็นเป็นรูปทรง สี ลวดลาย และแสงเงา วิธีการมองหาความงามของสิ่งที่มีอยู่คือ การชื่นชมรูปทรงที่เกิดขึ้น ชื่นชมสีที่มีความแตกต่างกัน ลวดลายที่มีอยู่ และแสงและเงา เราเห็นอะไรบ้าง เช่น เราเห็นทรงรีๆ คล้ายแอปเปิ้ล ก็สวยดีนะ เราเห็นสีแดง เรื่อๆ มีการไล่สี และสลับสีกับสีดำ ก็สวยดีน่า เราเห็นลวดลายที่สลับไปมา มีจุดๆ ผสมเป็นระยะๆ ก็สวยดีนะ เห็นอะไรๆ ก็สวยดีนะ บอกในใจเราเสมอๆ มาว่า ก็สวยดีนะ ทำบ่อยๆ เราจะมองเห็นโลกที่สวยงามมากขึ้น
ในด้านที่ 2 คือด้านของอารมณ์ เราสามรถรับรู้ความรู้สึกเรื่องดีๆ อะไรได้บ้าง เช่น เห็นผู้หญิง ผู้ชาย เดินทางเคียงคู่กัน เราก็จะรู้สึกได้ว่า โลกนี้ ยังมีความรักซึ่งกันและกัน ความรู้สึกนี้ สวยดีนะ เราเห็นแม่ดุลูกเสียงดัง สิ่งที่เรารู้สึกได้คือ เราเห็นความห่วงใยของแม่ที่มีต่อลูก เป็นความรักที่สวยงามอยู่เบื้องหลังนั้น ความสวยงามตรงนี้เป็นเเรื่องที่สำคัญของการมีหัวใจผู้ประกอบการ เป็นการซาบซึ้งในความรู้สึกของสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเรา ตลอดเวลา
เรามาลองคุยกับตัวเองดูหละกัน ให้บอกตัวเอง เรื่องนี้มี... เป็นเรื่องดีๆ เรื่องนี้มีความสวยงามอยู่นะ นี่ไง ฉันเห็นแล้ว......
บอกตัวเองทุกวันๆ ทุกครั้งที่มีโอกาส และยิ้มรับความงดงามให้กับตัวเอง ยิ้มแบบชื่นชม ยิ้งแบบจริงใจ ยินดีด้วย คุณเป็นคนที่มองโลกงดงามแล้ว
โลกที่สวยงามสู่โอกาสของเรา
เมื่อเราเห็นอะไรๆ ก็ดีไปหมด เราเป็นคนที่มองโลกได้งดงามแล้ว สมองของเราจะเปิดรับเรื่องดีๆ เข้ามาในชีวิต เพราะตลอดเวลา เราจะพบแต่เรื่องดี อะไร อะไร ก็ดี อะไรอะไร ก็งดงาม หลังจากนี้ เราก็ทำให้เกิดความงามอย่างมีคุณค่า เราแค่ตั้งคำถามที่ทรงพลังว่า
เราสามารถสร้างประโยชน์อะไรได้จากความงดงามนั้น?
เราเรียนรู้อะไร?
ความงดงามนั้น ทำให้เราบรรลุเป้าหมายได้อย่างไร?
คำถาม 3 คำนี้ จะพาให้ชีวิตเราพุ่งเข้าสู่การได้รับประโยชน์ของความงดงามนั้น ขยายรายละเอียดของความงดงามนั้นเข้าสู่การเป็นโอกาส หรือเป็นช่องทางของการได้ประโยชน์แก่ชีวิตเราเองในอนาคต
เมื่อเราพบโอกาส ให้เราซาบซึ้งในความงดงามของโอกาสนั้น แล้วให้เรามองให้เกิดความงดงามเพิ่มขึ้นอีก จนเรารู้สึกว่า ต้องการสิ่งนั้น ต้องการเดี๋ยวนี้ แล้วบอกตัวเองว่า คว้ามันไว้ อยากปล่อยให้มันหลุดมือไป
ธรรมชาติของโอกาสมีความแปลกอย่างหนึ่งคือ โอกาสจะเป็นประตูสู่ประโชยน์ที่บิดเบี้ยวและเคลื่อนที่ตลอดเวลา บางครั้งก็ใหญ่ บางครั้งก็เล็ก ดังนั้น โอกาสไม่เคยอยู่นิ่ง หรืออยู่คงที่ การเปลี่ยนแปลงของโอกาส เกิดจากสิ่งที่อยู่ในโลกที่เคลื่อนที่ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อองค์ประกอบของโอกาสในแต่ละเรื่องตรงกัน จะแปรสภาพเป็นโอกาสใหม่ๆ ในทันที
การจำลองให้เห็นภาพ ใก้เข้าใจมากขึ้น โอกาสเหมือนกับแผ่นเหล็กกลมๆ ที่มีรูหลายๆ รูแต่ไม่เป็นระเบียบ หลายๆ แผนมาซ้อนกันอยู่ มีทั้งแผ่นเล็กและแผ่นไหญ่ เอามาเรียงซ้อนกัน แต่ไม่ตรงกัน มีแกนเหล็กเสียบทะลุแผ่นเหล็กทุกแผ่น แต่ไม่ได้เสียบผ่านตรงกลางของแผ่นเหล็กนั้น เมื่อแผ่นเหล็กหมุนรอบแกน จะพบว่า บางครั้งจะมีแสงรอดผ่านแผ่นเห็ลกได้ทุกแผ่นจากการที่รูของแผ่นเหล็กหมุนมาตรงกันพอดี สักพักแสงก็หายเพราะรูนั้นไม่ตรงกัน การเกิดรูตรงกันจะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพราะจังหวะที่รูมาตรงกันจะเปลี่ยนไปตามจังหวะการหมุนของแผ่นเหล็ก
รูต่างๆ ที่มีคือ ความสวยงามของชีวิตที่เราได้เห็นได้พบในทุกๆ วัน โอกาส เหมือนกับแสงที่ลอดผ่านออกมาทุกรูที่ตรงกัน แผ่นเหล็กเหมือนกับองค์ประกอบของโอกาส เป็นเรื่องราวต่างๆ สิ่งแวดล้อมต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงตัวเองตลอดเวลาโดยการหมุนไปรอบๆ แกนเหล็กนั้น เมื่อรูมาตรงกัน หมายความว่า องค์ประกอบของความสวยงามตรงกันแล้วจะเกิดเป็นโอกาสของเรา
ในการสังเกตุความสวยงาม เราจะเห็นโอกาสมากหรือน้อยนั้นขึ้นกับว่า เราใส่ใจเรื่องรอบๆ ตัวเราบ่อยแค่ไหน มากแค่ไหน หรือจดจ่ออยู่กับเพียงสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ถ้าเราใส่ใจเรื่องรอบๆ เหมือนกับเรายืนอยู่ห่างจากแผ่นเหล็ก ทำให้เห็นแผ่นเหล็กได้โดยรอบ แต่ถ้าเราขยับตัวเข้าใกล้แผ่นเหล็กนั้น เราจะเห็นเพียงบางส่วนของแผ่นเหล็ก ทำให้จำนวนรูแห่งความสวยงามที่เราเห็นได้ในมุมของสายตาของเราจะลดลง จะทำให้เห็นโอกาสลดลง แต่ในทางตรงกันข้าม เมื่อเราถอยออกมามากเกินไป เราจะเห็นขนาดของรูแห่งความสวยงามลดลงไปด้วย ทำให้เราเห็นโอกาสได้ยากขึ้นเพราะขนาดของแสงแห่งโอกาสจะน้อยลงตามไปจนความสามรถของสายตาเราไม่อาจมองเห็นได้
ทางที่ดีเราจต้องใส่ใจสิ่งที่อยู่รอบตัวเราในระดับที่เหมาะสม ไม่จ้องมากเกินไป และไม่เพิกเฉยจนเกินไป ทำให้เราสามารถเห็นโอกาสได้อย่างมีประสิทธิภาพ เห็นเรื่องราวดีๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตของเรา และสามารถสร้างสิ่งที่สวยงามให้เกิดกับตัวเราเอง อย่างมีความสุข