แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การสร้างกำลังใจ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ การสร้างกำลังใจ แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2563

เทคนิคการสร้างกำลังใจให้ตนเอง

ในการทำงานใดๆ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กหรืองานใหญ่ ย่อมมีอุปสรรคเป็นเรื่องปกติ และตัวอุปสรรคนี้เอง เป็นเหตุให้เราหมดกำลังใจได้โดยง่าย การที่เราอยู่ในสภาวะหมดกำลังใจ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อการทำงาน การสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว และการดำเนินชีวิต คนที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีวิธีในการสร้างกำลังใจให้กับตนเอง เพื่อเป็นแรงขับเคลื่อนในการทำงานต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งจนกว่าจะประสบความสำเร็จ

กำลังใจยังมีประโยชน์อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต้านทานต่อโลกซึมเศร้า ต้านทางการคิดลบ ต้านทานการสร้างกระแสนินทาในองค์กรด้วย

กำลังใจคืออะไร ถ้าพูดกันง่ายๆ กำลังใจคือสภาวะการสร้างพลังในใจของตัวเองให้สามารถต้านทานสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาได้ คนที่มีกำลังใจดี จะสามารถอยู่ในสภาวะความเครียด ความไม่พึงพอใจได้ดีกว่าคนที่มีกำลังใจน้อย

กำลังใจมาจากไหน กำลังใจบอกแบบกำปั้นทุบดินเลย มาจากภายนอกและภายใน กำลังใจภายนอกมาจากการได้รับจากคนอื่น เช่นการชมเชย การกอด การให้ความรู้สึกดี กำลังใจจากภายใน มาจากการสร้างความคิดของตัวเอง การระบุเป้าหมาย และความมุ่งมั่น


ถ้าจะขยายความให้ลึกขึ้นอีกหน่อย แหล่งของกำลังใจของตัวเอง คือการที่เราเห็นว่าตัวเองนั้นยังมีคุณค่า คุณค่าที่มาจากภายนอก มาจากคำชมจากคนอื่น มาจากผลงานที่ประสบความสำเร็จ ที่ผ่านมา ส่วนคุณค่าที่เกิดขึ้นจากภายใน คือความภาคภูมิใจในตนเอง ความคิดที่เชื่อว่าตัวเองนั้นนังมีค่าต่อคนอื่น ไม่เป้นคนไร้ค่า และความเชื่อเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ว่า เรายังสามารถทำอะไรดีๆ ให้กับโลกใบนี้ได้ การเกิดคุณค่าในที่นี้ เรียกว่า เห็นค่าของชีวิตของตัวเอง ไม่ปล่อยให้ตัวเองอยู่ในภาวะหมดอาลัยตายอยาก

ส่วนที่ 2 ที่มีส่วนที่ช่วยให้กำลังใจเต็มเปลี่ยม คือ ความชัดเจนในเป้าหมายของตัวเอง รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร และเพื่อใคร ผลลัพธ์ที่สร้างขึ้นมีประโยชน์ขนาดไหน การหาเป้าหมายสามารถทำได้ 2 รูปแบบคือ การมีเป้าหมายจากภายใน ต้องมีความแน่วแน่ในความต้องการ และการเป็นตัวตน ของตัวเอง เป้าหมายยังสามารถนำมาจากการต้องทำตามบุคคลต้นแบบ หรือแรงกดดันในชีวิตได้เช่นกัน

เมื่อคุณค่าของตัวเอง มารวมกับกับเป้าหมาย จะหลายเป็นกำลังใจ ดังนั้น ในการให้กำลังใจ เป็นส่วนหนึ่งที่ส่งเสริมให้เกิดกำลังใจได้ จึงไม่ต้องแปลกใจว่าในหลายๆ ครั้ง การส่งกำลังใจให้ กลับไม่ได้รับการเสริมสร้างกำลังใจอย่างเต็มที่ เพราะว่า ขาดเป้าหมายที่สำคัญ

ในช่วงที่คนเราขาดกำลังใจมากที่สุดคือช่วงที่ชีวิตอยู่ในความยากลำบาก เพราะว่า ในช่วงเวลานั้น สมองขงเราจะมุ่งเน้นแต่การหาทางรอดของตัวเอง ลืมความเป็นตัวตนและเป้าหมายของตัวเองไป

ดังนั้น การสร้างกำลังใจ ต้องเน้นด้วยกัน 2 ส่วนในเวลาเดียวกันคือ การทำให้คนรู้ว่า มีคุณค่าอะไรในชีวิต และการที่ใช้คุณค่านั้นไปสู่เป้าหมายของตนเอง เมื่อทำได้แบบนี้แล้วกำลังใจจะมาแบบเต็มเปี่ยม ยิ่งคุณค่าแรงเท่าไหร่ เป้าหมายชัดมากเท่าใด ยิ่งทำให้กำลังใจสามารถสร้างขึ้นมาได้ ง่ายขึ้นเท่านั้น 

นอกจากนั้น กำลังใจยังสามารถแบ่งปันกันได้ เพราะว่า เป้นความรู้สึกที่มีความหวัง สามรถเลียบแบบกันได้ ผู้ที่มีกำลังใจดี ต้องทำให้คนอื่นรู้สึกมีความหวัง มีคุณค่า มองโลกในแง่บวกด้วย ยิ่งจะทำให้มีการสร้างกำลังใจได้เป็นอย่างดีเป็นเท่าทวีคูณ

พูดคุยกับผู้เขียนเพื่อเป็นกำลังใจได้ที่

Facebook Page Dr.Nara Kittimetheekul

การสร้างความผูกพันธ์ของทีมงานเมื่อต้องทำงานจากที่บ้าน

ด้วยเหตุการณ์ที่ต้องทำให้ทำงานจากที่บ้าน หลายคนจะมีความคิดหลายอย่างเกิดขึ้นทั้งเรื่องกำลังใจ ความเดียวดาย ความวิตกกังวล และความสัมพันธ์ในทีม เพราะบรรยากาศในการทำงานจากบ้าน เหมือนกับต้องอยู่คนเดียว และคนที่ไม่ได้ถูกฝึกให้อยู่คนเดียว จะต้องมีการปรับตัวอย่างมหาศาล ดังนั้น หัวหน้างานจึงต้องมีกลยุทธ์ในการสร้างความสัมพันธ์ในกรณีที่ต้องแนกกันทำงาน หรือแต่ละคนต้องทำงานอนยู่บ้าน

กลยุทธ์ที่ 1 ทำให้รู้สึกเหมือนยังได้อนู่ด้วยกัน เรียกว่า ต้องทำให้เหมือนกับว่า ยังได้เห็นหน้าเห็นตากันอยู่ตลอดเวลา ซึ่งปัจจุบัน มีเทคโนโลยีมากมาย หัวหน้างานสามารถใช้การประชุมตอนเช้าทุกวัน สั้นๆ วันละ 15-20 นาที เพื่อสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของแต่ละคน โดยเวลาประชุมแนะนำว่าให้ทำตอนเวลาเข้างานตามปกติ เช่น 8.30 น. เพื่อให้คนในทีมยังรู้สึกเหมือนกับว่า ต้องเริ่มงานเวลาเดิมทุกวัน สิ่งที่ควรระมัดระวังคือ เวลาประชุม ถามแต่เรื่องงานเท่านั้น ให้ถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ และทุกคนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็น บอกเล่า และการแบ่งปันกำลังใจซึ่งกันและกัน

กลยุทธ์ที่ 2 ใช้แชตกลุ่มและฐานของมูลกลาง (Cloud Storage) อัพเดทงานระหว่างวัน เพื่อเป็นการสร้างบรรยายการในการทำงาน แม้ว่าจะอยู่ต่างที่กัน แต่ก็มีการสื่สารกันในทีมตลอดเวลา วิธีการแบบนี้ จะช่วยเป็นการกระตุ้นการทำงานเป็นทีม และลดอาการวิตกกังวลลงได้ นอกจากนั้น แต่ละคนยังทราบสถานะการทำงานร่วมกันว่าตอนนี้งานไปถึงไหนแล้ว

กลยุทธ์ที่ 3 การเปิดให้สมาชิกในทีมสามารถติดต่อหัวหน้าและสมาชิกได้ตลอดเวลา โดยผ่าน VDO Conference การติดต่อต้องโปร่งใส ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อเป็นการลดการสงสัย การนินทา และการไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน เดี๋ยวนี้มีหลายแอพที่สามารถช่วยให้การติดต่อสามารถเกิดขึ้นได้โดยง่าย และฟรี

กลยุทธ์ที่ 4 เข้างานพร้อมกัน พักเที่ยวพร้อมกัน และเลิกงานพร้อมกัน ยังเป็นการสร้างบรรยายกาศในการทำงาน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ทำงาน แต่ทำให้แต่ละคนรู้สึกว่า ตัวเองยังทำงานเป็นทีม มีคนที่อยู่เคียงข้างทำงานด้วยกัน ไม่มีใครเอาเปรียบกัน

กลยุทธ์ที่ 5 ประชุมออนไลน์หลังเลิกงานทุกวัน หัวหน้างานต้องเข้าใจ และไม่ปล่อยให้ทีมงานของตนเองอยู่ในความเวิ้งว้าง การได้พูดคุยกัน ทำให้ทีมงานมีความสัมพันธ์มากขึ้น และฟุ้งซ่านน้อยลง การใช้ประชุมออนไลน์ เป็นการสรุปงานที่ทำประจำวัน ให้กำลังใจกัน และสร้างไอเดียใหม่ๆ ในการทำงานร่วมกันเมื่อต้องอยู่ห่างกัน ยังสามารถรวมไปถึงการชวนกันออกกำลังกายที่บ้านแล้วเอาผลการออกกำลังกายมาอวดกัน แบ่งปันกัน เพื่อให้มีบรรยากาศในการตื่นตัว กระฉับกระเฉง

การทำงานที่ห่างกันย่อมทำให้ความสัมพันธ์ลดลง แต่เทคโนโยลี บวกกับการจัดการจะสามารถสร้างให้เรามีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นได้

-------------------------------------------

พูดคุยกับผู้เขียนเพื่อเป็นกำลังใจได้ที่

Facebook Page Dr.Nara Kittimetheekul