การสร้างแนวทางการแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
จากตอนที่แล้ว EP23 เมื่อปัญหายิ่งซ้อบซ้อน ยิ่งต้องปรับให้เรียบ มาว่ากันต่อหลังจากที่ทำปัญหาที่ซับซ้อนเป็นปัญหาเชิงเดี่ยวแล้ว แต่ก็มีคำถามตามมาว่า เมื่อปัญหาเชิงซับซ้อนที่ถูกทำให้เรียบแล้ว สามารถแยกออกมาได้หลายปัญหา แล้วจะเริ่มแก้ไขปัญหาไหนก่อน แล้วจะสร้างแนวทางกรแก้ไขปัญหาได้อย่างไร
วันนี้มาขอยกตัวอย่างการแก้ปัญหาที่ซับซ้อนเพื่อให้เข้าการการสร้างแนวทางจากการปรับให้เรียบ
เอาสถานการณ์ปุ๋ยแพงในตอนนี้อันเนื่องจากปุ๋ยโลกขาดแคลน
ในการปรับให้เรียบคือการแยกแนะว่าปัญหาปุ๋ยแพงยังมีอะไรอีก กระทบอะไรบ้าง
สิ่งมี่ผมเห็นในตอนนี้คือ ราคาปุ๋ยแพงจะทำให้อาหารโลกขาดแคลน เพราะพืชโตช้า ผลผลิตน้อยลง และมีการผลิตน้อยลงด้วยจากการที่ไม่มีเงินทุนในการผลิต
แต่ในขณะเดียวกันมีอีกปัญหาทับซ้อนขึ้นมาคือราคาข้าวถูก เนื่องจากโครงสร้างตลาดในประเทศไทย กับประเทศอื่นส่งออกได้ดีกว่าไทยจึงมากดราคาข้าวเกษตรกร
ปัญหาที่ตามมาคือ ตอนนี้กำลังเตรียมเข้าหน้าเพาะปลูกอีกครั้ง แต่เกษตรกรต้องเจอกับปัญหาต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และเงินที่เป็นทุนในการผลิตหายไป
เทคนิคปรับให้เรียบคือ จริงๆ แล้วปัญหามี 3 เรื่อง คือ 1 ต้นทุนแพง 2 ราคาขายต่ำ 3 เงินสดหายไป
ปัญหาต้นทุนแพงมาจากปุ๋ยและน้ำมันเชื้อเพลิงที่พุ่งขึ้นแบบติดจรวด
ดังนั้นความคุ้มค่าในการผลิตมี 2 แนวทางคือลดต้นทุนหรือเพิ่มราคาขายของเกษตรกร
ปัญหาราคาขายต่ำ เพราะความต้องการมีน้อยกว่าผลผลิตที่มี ณ เวลานี้ และลักษณะของโครงสร้างตลาดตั้งแต่เกษตรกรต้นน้ำสู่นายทุนปลายน้ำที่ยังมีช่องอยู่กว้างมาก สังเกตุเรากินข้าวสารแพงมาก ทั้งที่ข้าวเปลือกราคาถูก ช่างไม่สอดคล้องกันเลย
*ดังนั้นถ้ามีใครเอาข้างออกจากระบบไปรักษา ดูแล และจัดระเบียบใหม่ คล้ายๆ แก้หวยแพง ก็จะจัดการปัญหานี้ได้
แนวทางการสร้างการแก้ปัญหาคือ ทำให้เกษตรกรมีเงินสดในมือ ตอนนี้เพื่อให้มีกำลังผลิต แล้วราคาผลิตจะแพงขึ้นในอนาคตจากการที่ทั่วโลกมีปริมาณผลิตผลที่หายไป
*ดังนั้นถ้าทำให้เกษตรกรทีเงินในช่วงเริ่มเพาะปลูกได้ ก็จะแก้ปัญหาหนี้สิน การกู้ยืมและประสิทธิภาพการผลิตได้
เรียกว่าทำยังไงหละ มองดีๆ เราพบว่า
ยังมีอีกปัญหานึงคือ เวลาของผลผลิตที่ออกสู่ตลสดไม่ถูกจังหวะที่แพง
*ดังนั้นแนวทางคือ ถ้าเราทำให้ผลผลิตออกมาในข่วงเวลาที่แพงได้ก็จะแก้ปัญหาราคาตกได้
เอาดังนั้น 3 อันมาผสมกัน ออกมาคืออะไร
มันคือการที่รัฐต้องให้สักหน่วยงานไปเอาข้าวออกจากระบบแล้วอัดฉีดเงินที่จะเป็นราคาข้าวในอนาคต (อาจจะหักมูลค่าคิดลดก็ได้) แล้วได้อะไร
1 เกษตรมีเงินในมือมากขึ้นจากการที่เอาราคาข้าวในอนาคตมาใช้ก่อน
2. หน่วยงาน หรือรัฐบาล มีโอกาสสร้างกำไรได้จากที่ซื้อข้าวตอนนี้ แล้วไปขายตอนแพง
3. ใช้ข้าวเป็นเครื่องมือสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพราะอีกไม่นานแต่ละประเทศต้องวิ่งหาข้าวเนื่องจากผลผลิตโลกขาด และเงินเฟ้อแรงมากกกกก
แบบนั้ก็เรียกว่า #จำนำข้าว สิ ก็อย่าเรียกแบบนั้นสิ ให้เรียก #ข้าวประชารัฐ ก็ได้ ประชา (ชน ขายให้) รัฐ แล้วรัฐเอาไปหาประโยชน์ให้ประชา(ชน)