จากการที่ได้อยากไปเมืองเก่าภูเก็ต เลยลองหาที่พักในกลางเมืองเก่าที่มีสถาปัตยกรรม ชิโน-โปรตุกีส จริงๆ น่าจะใช้คำว่า ชิโน-ยูโรเปี้ยนมากกว่า ชิโน คือ ไชน่า ยูโเปี้ยน คือ ยุโรป สรุปว่า เลือกมาพักที่ แกลเลอรี่ แอนด์ บูติกโฮเทล (Woo Gallery & Boutique Hotel) เอะชื่อก็แปลกหละ ปกติจะเป็นแต่ บูติกโฮเต็ล แต่คราวนี้มี แกลเลอรี่ด้วย จนเดินมาถึงที่หมาย ซึ่งผิดทาง เพราะโรงแรมแห่งนี้เป็นห้องแถว 1 ห้องกว้าง 7 เมตรกว่าๆ ยาวๆ ยาวขนาดเชื่อมจากถนนหนึ่งไปอีกถนนหนึ่งได้ ระหว่างถนนถลาง กับถนนพังงา ทำให้ครั้งแรก เข้าผิดทาง ไปเข้าทางแกลเลอรี่ ที่อยู่ด้านถนนถลาง ตรงข้ามกับซอยรมณ์มณี และปิดประตูเงียบไว้เลย ก็งงๆ ว่านี่คือโรงแรมเหรอ เขียนไว้ด้านหน้าเป็นพิพิธภัณฑ์
ประตูด้านแกลเลอรี่ |
จนเดินอ้อมไปเรื่อยๆ เลาะไปทางถนนเยาวราช เลี้ยวเข้าถนนพังงา ถึงได้เจอว่า มีทางเข้าที่เป็นโรงแรมอีกทาง ขอแนะนำก่อนว่า ถ้ามาพักที่นี่ ให้หาธนาคารกสิกรไทย โรงแรมนี้จะอยู่เยื้องๆ กัน ติดกับร้านราดหน้าคุณจื๊ด
ธนาคารกสิกรไทย สาขาภูเก็ต |
เมื่อแรกเข้าโรงแรม จะได้พบกับคนต้องรับ ต้องย้ำว่าไม่ใช่พนักงาน เพราะเจ้าของจะมาดูและเอง มีกัน 2 คน พี่ผู้ชายคือ คุณเผด็จ วุฒิชาญ และพี่ผู้หญิง คือ คุณนวพร วุฒิชาญ จุดเริ่มต้นจึงเริ่มจากตรงนี้ เพราะสัมผัสได้ถึงความใส่ใจในรายละเอียดต่างๆ ในการใส่ใจกับผู้เข้าพัก และการคิดเผื่อแขกผู้เข้าพัก ตัวอยากที่เห็นได้ชัดคือ แจกหน้ากากอนามัยให้แขกทุกคนฟรี ในสถานการณ์ที่ทุกคนกลัวเชื้อโคโรน่า และหน้ากากอนามัยราคาพุ่งไปอันละ 10-20 บาท
เมื่อเช็คอินแล้ว ก็ถามว่า อยากเข้าชมแกลเลอรี่ ได้มั้ย ทางคุณเผด็จก็บอกว่า ไม่มีปัญหาจะเปิดให้พรุ่งนี้เช้า ก่อนเวลาเปิดทำการเล็กน้อย ปกติจะเปิด 10.00 น แต่ผมต้องเดินทางไปสนามบินตอน 10.30 น. จึงได้รับความอนุเคราะห์เปิดให้เข้าเป็นกรณีพิเศษตอน 8.30 น. (ขณะนั้นเวลา 22.00 น. แล้ว) แต่ก่อนที่จะไปนอน คุณเผด็จชวนไปเดินดูด้านหลังของแกลเลอรี่ ที่เชื่อมกับด้านหลังของโรงแรม และเล่าให้ฟังคร่าวๆ เกี่ยวกับประวัติของบ้านที่อายุนานกว่า 130 ปี และมีการบูรณะโดยการรักษาของเดิมให้มากที่สุด ตรงนี้เองสัมผัสได้ถึงความภาคภูมิใจในบ้านหลังนี้ จนผมรู้สึกว่า ไม่เล่าต่อไม่ได้แล้ว ตั้งใจว่า วันรุ่งขึ้น จะต้องมีอะไรดีๆ ให้ได้เจอแน่นอน
ภาพห้องพักที่ได้เตรียมไว้รอผู้มาเยือน |
ในห้องพักมีความเก๋ น่ารัก มีเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอ่าวล้างหน้า เป็นเครื่องเบญจรงค์ ที่สอบถามได้ว่านำเข้าจากจีน ลายฉลุต่างๆ ต้องหาช่างมาทำให้ อย่างเนี้ยบและสวยงาม ที่ประทับใจ คือ มีของต้อนรับเอาไว้เป็นกาแฟสดของภูเก็ต พร้อมให้เครื่องชงอเมริกันเพรสในห้องทุกห้องด้วย โอ้วววว โรงแรมแห่งนี้มีห้องเพียง 12 ห้อง รับแขกได้ไม่เยอะ แต่เต็มตลอด
อ่างล้างหน้าในห้องพัก |
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากได้รับคำแนะนำจากคุณนวพรให้ไปทานติ่มซำ ที่ร้านบุญรัตน์ ร้านดัง อร่อยของท้องถิ่น อยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ดินไปได้ แล้วก็กลับมาที่โรงแรมเวลา 9.00 น. พบว่าคุณเผด็จ เปิดบ้านรอเอาไว้แล้ว เริ่มต้นจากห้องชั้นล่าง ที่คุณเผด็จเล่าเรื่องเกี่ยวกับประตู ว่าทำไมต้องมี ช่องแสงเหนือหน้าต่าง เป็นรูปผีเสื้อ จริงๆ เข้าใจผิดหมด ตรงนั้นคือคิ้วมังกร หน้าต่างเป็นตา มังกร และประตูเป็นปาก พอมองกว้างๆ แล้วใช่เลย แล้วพาออกไปดูหน้าบ้าน ให้ดูกระเบื้องลายนกยูง ที่ต้องสั่งจากสิงคโปร์ แสดงถึงบ้านนี้เป็นปราชญ์ จากนั้นจึงค่อยๆ แนะนำ เรื่องกำแพงแบบดินพอก ไม่มีเสา วิธีการสร้างแบบโบราญ ไม่ใช่ซีเมนต์ พร้อมถึงเล่าถึงวิธีการบูรณะ บ้าน เครื่องใช้แต่ละชึ้น ว่า ต้องทำกำแพง 2 ชั้น ใส่เหล็กเสียบข้างใน รับน้ำหนักข้างบน เฟอร์นิเจอร์แต่ละตัว หน้าต่างทีละบาน ต้องถอดทีละชิ้น เขียนเบอร์ไว้ เพื่อกลับมาประกอบได้
กระเบื้องลายนกยูงที่แสดงถึงความเป็นปราชญ์ |
คุณเผด็จเล่าเรื่องราวต่างๆ ด้วยความตั้งใจ ใส่ใจ และภูมิใจ คุณเผด็จเป็นคนที่รู้อะไรรู้จริงใจสิ่งที่ทำ แต่เชื่อหรือไม่ว่า คนที่คิดเรื่องการบูรณะทั้งหมดนี้ เรียนจบนิติศาสตร์ คุณเผด็จ ได้ใช้ประสบการในการทำวานที่เคยคุมงานก่อสร้างโครงการต่างๆ มาประยุกต์ในการวางแผนการบูรณะที่ไม่ได้ใช้สถาปนิกในการดำเนินการ เหตุผลคือสถาปนิก พยายามออกแบบใหม่ และไม่ได้รักษาความเป็นจิตวิญญาณของอาคารหลังนี้เอาไว้เลย
คุณเผด็จ วุฒิชาญ |
คุณเผด็จยังเล่าต่อเรื่องของความเป็นมาของบ้านและการรักษาความดั่งเดิมเอาไว้ อย่าง ฉิ่มแจ้ หรือบ่อน้ำกลางบ้าน แต่เดิมเอาไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค ซึ่งบ้านโดยทั่วไปจะมีแค่ 1 บ่อ บ้านคนรวยจะมี 2 บ่อ ตามขนาดที่ต้องขยายออกไป แต่บ้านนี้มี 3 บ่อ เรียกว่าเป็นมหาเศรษฐีกันเลย
ฉิมแจ้ ที่ปรับสภาพมาเป็นสวนและช่องแสงกลางบ้าน |
ในการพาชม คุณเผด็จยังเล่าเรื่องราวของของเก่าแต่ละชิ้น ซึ่งเก็บไว้ในสภาพดีมาก ยังใช้งานได้อยู่ถึงปัจจุบัน ลานละเอียด และความพิเศษของแต่ชิ้นที่ไม่เหมือนกัน เรียกได้ว่าเป็นความรักในสิ่งที่ทำ และความเอาใจใส่ในรานละเอียด ละเอียดแค่ไหน ยกตัวอย่างในการบูรณะ ได้ถ่ายภาพบ้านสภาพเดิมเอาไว้มากกว่า 10,000 รูป เพื่อเก็บรายละเอียด แล้วจึงเอามาวางแผนการบูรณะ ใช้เวลาว่า 5 ปี พร้อมด้วยการเลือกเทคโนโลยีสมัยใหม่ จนแล้วเสร็จในปี 2018 นี้เอง ตัวอย่างที่ 2 เรื่องความสะอาด อาคารแห่งนี้ ไม่มีฝุ่นเลย ไม่ว่าเอามือลูบไปตรงไหนก็ไม่เจอ ทุกซอก ทุกมุม คุณเผด็จตรวจสอบการทำความสะอาดด้วยตัวเอง และขอบอกว่า เป็นอาคารหน้าต่างเปิดโล่งให้ลมภายนอกเข้ามาได้ เรียกว่า เนี๊ยบแค่ไหน
ภาพเปรียบเทียบก่อนและหลังการบูรณะ |
ภาพบรรพบุรุษผู้บุกเบิกร้านหม่อเส็งแอนด์โก |
ด้วยความที่ผมเป็นคนที่สนใจธุรกิจ สิ่งที่ข้ามไม่ได้คือเรื่องเงิน จากการสอบถามว่า เงินที่ใช้ไปในการบูรณะประมาณเท่าไหร่ ก็ได้ตัวเลขที่ไม่รสมของสะสมว่า มากกว่า 10 ล้านบาท ใช้เงินส่วนตัวทั้งหมด จริงๆ มากกว่านี้เยอะ เลยคิดต่อไปว่า ถ้าเป็นนักลงทุนจะคุ้มมั้ย แล้วทุกวันนี้อยู่ได้ยังไง
การตัดสินใจของคุณเผด็จคือ ต้องมีแหล่งกระแสเงินสด เข้ามา จึงไปนำที่ดินเดิมของคุณปู่ด้านหลังบ้านเพื่อทำเป็นโรงแรม 3 ชั้น + ดาดฟ้า ขนาด 12 ห้อง ที่แต่ละห้องออกแบบไว้ไม่เหมือนกัน แต่ทำให้กลมกลืนกับบ้าน หรือ หวู แกลเลอรี่ หรือแต่เดิมคือ ร้านหม่อเส็ง แอนด์ โค (ห้างสรรสินค้าในอดีตที่ขายสินค้าทุกอย่าง นาฬิกา เตียง เครื่องเสียง แจกัน และอีกมากมาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้านำเข้า) การออกแบบ ใช้เครื่องใช้แบบโบราญ กระเบื้องลายโบราญ การฉลุไม้ ใช้ไม้เนื้อแข็ง การจัดแสดงที่บ่งบอกถึงความลุ่มรวยทางวัฒนธรรม ของเมืองภูเก็ตที่ร่ำรวยจากเหมืองแร่ดีบุก
แจกันแก้วจากยุโรป ใช้ในโอกาสงานแต่งงานของบาบ๋า มีความสวยงามมาก |
พัดลมโบราญที่สะสมไว้ |
ราคาห้องของโรงแรม มีตั้งแต่ 2,000-3,500 บาท แขกที่มาพัก จะไม่รับแขก Walk-in จะเป็นแขกที่รู้จักและจองมาล่วงหน้าทั้งนั้น และปกติ เต็มตลอด ขนาดมีไวรัสโคโลน่า คนจีนหายหมด โรงแรมแห่งนี้ก็เต็ม เพราะเรื่องของความใส่ใจ ความกระตือรือร้นในการส่งมอบความจริงใจให้กับผู้มาเยือน ความโดดเด่น ไม่อยากบอกว่าการบริการเพราะจับต้องไม่ได้
ผ้าปักลูกปัด ส่วนหนึ่งของชุดแต่งงาน |
หลักจากที่ได้พาชมอยู่ 1 ชั่วโมงเศษ
สิ่งที่สามารถสรุปได้ในการเยี่ยมชมครั้งนี้ นอกจากความสวยงามแล้ว ได้พบความสำเร็จ ความสุข และความภาคภูมิใจของการสืบทอดจิตวิญญาญของชาวจีนในภูเก็ต ซึ่งจจริงๆ แล้ว คุณเผด็จ มีรายละเอียดอีกมากที่ได้เล่าให้ฟัง แต่ในตอนนี้อยากสรุปเรื่องคุณลักษณะของการเป็นผู้ประกอบการที่สามารถสังเกตุเห็นได้ดังนี้
- มีความรู้ลึกรู้จริงในสิ่งที่ทำ ทุ่มเททุกอย่างในชีวิต ด้วยความตั้งใจ มั่นใจ เต็มใจ และสุดหัวใจ จนรวบรวมในสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้มาไว้ด้วยกัน
- มีความละเอียดละออในทุกรายละเอียด ใส่ใจในทุกเรื่องด้วยความรัก อันนี้เห็นได้จากการทำความสะอาด การดูแล การวางแผน
- มีการประยุกต์สิ่งที่มีอยู่สร้าวเป็นสิ่งใหม่ที่ลงตัวกับของเก่า แบบแนบเนียนมาก อาศัยการเรียนรู้ศึกษาค้นคว้า จนกลายเป็นนักนวัตกรรมไปในตัว
- มีกำลังใจยอดเยี่ยม เพราะในการสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ เวลา 5 ปี ลำพังตัวเอง ถ้ากำลังใจไม่ดีแล้ว จะล้มเลิกไปนานแล้ว ยิ่งการซ่อมแซม ไม่สามารถกำหนดได้ว่าจริงๆ ต้องใช้เงินเท่าไหร่ จบตรงไหน ในตอนแรก
- มีการวาวแผนที่ดีมีมาก ทั้งเรื่องการเงิน การดำเนินการ ทุกอย่าวเป็นระบบ สอดคล้องกันเป็นขั้นเป็นตอน
- มีการคิดอย่างเป็นระบบ จากวิธีการพาเข้าชม ถ้ามาเยอะ จะต้องมีระบบการพาชม เพื่อดูแลทรัพย์สิน ไม่ให้เสียหายและสูญหาย
- มีความกล้าได้กล้าเสีย การเอาเงินลงทุนกว่า 10 ล้านบาท โดยยังคาดการณ์ไม่ได้ นับว่ามีความกล้าในหัวใจสูงมาก
- เมื่อตั้งใจแล้ว ลงมือทำ คำไหนคำนั้น อะไรที่สัญญาไว้กับลูกค้าต้องไม่มีพลาด
คนที่ต้องการสร้างสิ่งที่ยอดเยี่ยมให้กับโลกใบนี้ ต้องเรียนรู้วิธีการคิดและวิธีการดำเนินชีวิต เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเองให้เหมาะกับตัวเองอย่างลงตัว
บรรยากาศทางเดินของโรงแรม |
ใครสนใจเข้าพักที่โรงแรมแห่งนี้ พร้อมเข้าชม แกลเลรี่ ติดต่อได้ที่
076353719
หรือค้นหาในเฟสบุค WOO Gallery & Boutique Hotel, The Old Town Phuket
เรื่อง และ ภาพ ดร.นารา กิตติเมธีกุล 04 Feb 2020